ศัลยกรรมทารกแรกคลอด (Neonatal surgery)

ประวัติศัลกรรมทารกแรกคลอด History of Neonatal Surgery

ศัลกรรมทารกแรกคลอด Neonatal Surgery       หมายถึงการผ่าตัดเด็กแรกคลอดอายุน้อยกว่า หนึ่งเดือน โรคที่ต้องผ่าตัดมักมีสาเหตุจากความผิดปกติแต่กำเนิดของอวัยวะซึ่งอาจเป็น อันตรายแก่ชีวิต การผ่าตัดเก่าแก่ที่สุดในเด็กแรกเกิดคือการขลิบปลายอวัยวะเพศ ซึ่งทำตาม ความเชื่อ [ Ritual circumcission ] ตามบันทึกในยุคของอับราฮัม 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ทำในเด็กชายชาวยิว       ฮิปโปเครตีสบิดาทางการแพทย์ยุค 460-370 ก่อนคริสต์ศักราช กล่าวถึงโรคของเด็กเกือบทุกชนิดยกเว้น Hydrocephalus       ยุค Celsus ในช่วง 30 AD กล่าวว่าเด็กต้องการการรักษาแตกต่างจากผู้ใหญ่ มีการกล่าวถึงการผ่าตัด เช่น Hair lip , Polydactyly , Hypospadias , Tonsillectomy , ,Uvulotomy แต่อาจไม่ใช่การผ่าตัดในเด็กแรกเกิด       ช่วงคริสต์ศัตวรรษที่ 5 ถึง 14 เป็นยุคมืด ความรู้ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์หยุดนิ่ง มีการกล่าวถึงการรักษา Hydrocephalus , Ranula , Hypospadias และ Meatal stenosis ต่อมามีการศึกษาทางกายวิภาคศาสตร์ และบันทึกไว้โดย Leonardo da Vinci และ Vesalius' De Fabrica Corporis        ศัตวรรษที่ 15 แพทย์ชาวเตอร์กชื่อ Subuncuoglu บันทึกแสดงการผ่าตัดรักษาเด็กทารกรูทวารไม่เปิดโดยการใช้วัตถุแยง [ Probing ] และการผ่าตัด Perineal fistulas , Hypospadias , ไส้เลื่อน , และ Fused labia        วิธีการดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กในยุโรป ใน หนังสือ The Children's Book โดย Felix Wurtz ศัลยแพทย์ชาวสวิสกล่าวถึงหลักการดูแลและให้อาหาร ในเด็กผิดปกติทางกระดูก       ศัตรวรรษที่ 17 อธิบายการใช้ Trochar ในการรักษา Hydrocephalus , Minnus เขียนการผ่าตัดรักษา Torticollis       Rickham ยกย่อง Swiss Fatio [ 1649-1691 ] เป็น บิดาของกุมารศัลยแพทย์ศัลยแพทย์ เพราะทำการศึกษาและรักษาผ่าตัดเด็กอย่างมีระบบ เช่น Hypospadias , Meatal atresia , Low and High anal atresia , Omphalocoel , และเป็นคนแรกที่ผ่าตัดแยกเด็กฝาแฝดชนิด Xypho-omphalophagus       ระหว่างคริสต์ศัตวรรษที่ 18 ยุคเริ่มต้น มีสถาบันรักษาเด็ก แต่ประสิทธิภาพยังไม่ดี อัตราตาย 75 % -99% Dupytren รักษา Wry neck ด้วยการตัด Sternocleidomastoid เริ่มมีการแนะนำให้ทำ Colostomy รักษา Imperforate anus ในช่วง 1710 แต่กว่าจะมีการปฏิบัติกัน โดย Duboise me ทำ colostomy ในเด็กเหล่านี้ครั้งแรกช่วงปลาย ค.ศ. 1800       ศัตวรรษที่ 19 การแพทย์เจริญมากขึ้น Roentgen ค้นพบ X-ray , Laennec ประดิษฐ์ Stethoscope ปี 1816 เขาสามารถวินิจฉัย Congenital diaphragmatic hernia ้ และแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัด ปลายศัตวรรษที่ 19 เริ่มมีการประชุมและตีพิมพ์หัวข้อโรคทางศัลยกรรมเด็ก J. M. Coley's treatise A Practical Treatise on the Disease of Children และ J. C. Forster เขียนหนังสือ The Surgical Disease of Children ระยะนี้มีการรวมกลุ่มแพทย์เพื่อรักษาโรคเฉพาะทางเด็ก และศัลยกรรมเด็ก พัฒนาใช้การดมยาสลบและ Antisepsis ทำให้การผ่าตัดก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ระยะแรกการผ่าตัดเน้นทาง Orthopedics ต่อมามีการกล่าวถึงการผ่าตัดรักษา Neuroblastoma , Annular pancreas , Hodgkin's disease , Biliary atresia , Urethral valve , Chylous ascites, Hydrocolpos , Congenital megacolon , Necrotizing enterocolitis ,และ Congenital defect of abdominal wall มีหนังสือเขียนโดย Timothy Holmes ตีพิมพ์ Surgical Treatment of Children' Disease ในปี 1868 กล่าวถึงปัญหาและการรักษา Conjoined twins , Benign and Malignant neoplasms และ Extrophy of the bladder       ศัตวรรษที่ 20 การแพทย์เจริญมากขึ้น ปี 1916 Ernst CH รายงานใน British Medical Journal ผลสำเร็จการผ่าตัดรักษา Duodenal atresia ในเด็กแรกคลอด ปี 1957 Rickham PP เขียนหนังสือ The Metabolic Response to Neonatal Surgery ตีพิมพ์โดย Havard University ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผู้นำทางกุมารศัลยแพทย์มากมายอุทิศเวลาให้กับการผ่าตัดโรคทางศัลยกรรมเด็ก เช่น Dodd and Fraser od Edinburgh , Grob of Switzerland , Ombredanne of France , Drachter , Grossman , Oberniedermayr of Germany , Denis-Browne , Barrington-Ward , and Twistington of London. ผู้บุกเบิกในอเมริกาเหนือ เช่น Wiliam Ladd of Boston , H.E. Coe of Seatle , O.S. Wyatt of Minneapolis , G.C. Penberthy of Detroit , and Willis Potts Of Chicago ต่อมาในยุค Robert Gross และ Orvar Swenson การผ่าตัดทารกก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว หัตถการผ่าตัดแก้ไขความพิการต่างๆ ศัลยแพทย์ดังกล่าวเป็นผู้คิดขึ้น เช่น Imperforate anus , Esophageal atresia , Patent ductus arteriosus , Diaphragmatic hernia , Coarctation of the aorta , Congenital megacolon , และอื่นๆ       อย่างไรก็ตามอัตราตายของการผ่าตัดเด็กทารกยังสูงถึง 72% แม้แต่ในเมือง Liverpool ซึ่งมีโรงพยาบาลเด็กที่ทันสมัย ทำให้มีการริเริ่มก่อตั้งหน่วยศัลยกรรมทารกแรกเกิดโดย Rickham และ Forshall เป็นผู้ดูแล       เชื่อว่าอัตราตายสูงเกิดจากการวินิจฉัยโรคที่ต้องผ่าตัดช้า การส่งต่อ การเตรียมผู้ป่วยและการรักษาเบื้องต้นที่ไม่เหมาะสม มีการศึกษา Physiology และ Metabolism ของทารกที่รับการผ่าตัด ภายใน 10 ปี อัตราตายของทารกที่เข้ารับการผ่าตัดลดลงเหลือ 24% ต่อมาหน่วยศัลยกรรมทารกแรกคลอดจึงได้ตั้งขึ้นอย่างแพร่หลายทั่วโลก